
คุณเคยสงสัยไหมว่า Cryptocurrency หรือคริปโตคืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา? หลายคนอาจจะได้ยินคำว่า Bitcoin, Ethereum หรือเหรียญดิจิทัลต่าง ๆ แต่ยังไม่เข้าใจว่าสินทรัพย์เหล่านี้ทำงานอย่างไร และจะเริ่มต้นเข้าสู่วงการนี้ได้อย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยทั้งหมดกัน
Cryptocurrency หมายถึงอะไร?
Cryptocurrency หรือ คริปโต คือสินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่า แตกต่างจากเงินทั่วไปตรงที่ไม่มีธนาคารกลางหรือสถาบันการเงินใดควบคุม ทำให้มีความเป็นอิสระและโปร่งใสมากกว่า โดยทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกบนระบบบล็อกเชนที่ทุกคนสามารถตรวจสอบได้
บล็อกเชน (Blockchain) เกี่ยวอะไรกับคริปโต?
บล็อกเชนเป็นเสมือนสมุดบัญชีดิจิทัลที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดของคริปโต โดยมีลักษณะสำคัญคือ
- กระจายศูนย์: ไม่มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งควบคุม
- โปร่งใส: ทุกคนสามารถตรวจสอบธุรกรรมได้
- ปลอดภัย: ใช้การเข้ารหัสขั้นสูง
- ไม่สามารถแก้ไข: เมื่อบันทึกแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
Cryptocurrency มีกี่ประเภท?

เมื่อรู้แล้วว่าเหรียญคริปโตคืออะไร เรามาดูประเภทของ Cryptocurrency กันบ้าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 7 ประเภทหลัก ๆ ที่เทรดเดอร์ควรทำความรู้จัก
1. กลุ่มรักษามูลค่า (Store of Value)
กลุ่มรักษามูลค่า (Store of Value) เป็นเหรียญที่มีจำนวนจำกัดและไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ ตัวอย่างเช่น Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ มักถูกใช้เป็นทางเลือกในการเก็บรักษามูลค่าระยะยาว เปรียบเสมือน “ทองคำดิจิทัล” เหรียญในกลุ่มนี้ยังรวมถึง Litecoin (LTC) และ Bitcoin Cash (BCH)
2. กลุ่มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)
กลุ่มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เป็นเครือข่ายที่สามารถสร้างและดำเนินการตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) ได้ ตัวอย่างเหรียญในกลุ่มนี้ เช่น Ethereum (ETH), Cardano (ADA), Solana (SOL) เป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาในระบบนิเวศคริปโต
3. กลุ่ม DeFi (Decentralized Finance)
กลุ่ม DeFi ใช้สำหรับระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง สร้างขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชนที่รองรับสัญญาอัจฉริยะ ตัวอย่างเช่น Uniswap (UNI), SushiSwap (SUSHI), Aave (AAVE) และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคาร
4. กลุ่มส่งต่อมูลค่า (Value Transfer)
กลุ่ม Value Transfer ออกแบบมาเพื่อการโอนเงินระหว่างประเทศที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำ เน้นความเร็วและประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม เช่น Ripple (XRP), Stellar (XLM) เหมาะสำหรับการโอนเงินระหว่างประเทศและการชำระเงินข้ามพรมแดน
5. กลุ่ม GameFi
กลุ่ม GameFi เป็นเหรียญที่ใช้ในเกมและโลกเสมือนจริง (Metaverse) ผู้เล่นสามารถสร้างรายได้จากการเล่นเกม (Play-to-Earn) ตัวอย่างเช่น Axie Infinity (AXS), The Sandbox (SAND) เชื่อมโยงระหว่างความสนุกของเกมและโอกาสในการสร้างรายได้
6. กลุ่ม Stablecoin
กลุ่ม Stablecoin เป็นเหรียญที่มีมูลค่าคงที่โดยอ้างอิงกับสินทรัพย์อื่น เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ช่วยลดความผันผวนและความเสี่ยงในการเทรด ตัวอย่างเช่น USDT, USDC, DAI มักใช้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเงินปกติและคริปโต
7. กลุ่มเหรียญมีม (Meme Coins)
กลุ่มเหรียญมีม สร้างขึ้นจากกระแสและวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ต มักมีความผันผวนสูงและเหมาะกับการเทรดระยะสั้น เช่น Dogecoin (DOGE), Shiba Inu (SHIB) อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากความเสี่ยงสูง
แต่ละประเภทของเหรียญคริปโตมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เทรดเดอร์ควรศึกษาและทำความเข้าใจคุณสมบัติของแต่ละประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจเข้าเทรด รวมถึงพิจารณาถึงเป้าหมายการเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง
วิธีการทํางานของสกุลเงินดิจิทัล Cryptocurrency คืออะไร?
สกุลเงินดิจิทัลทำงานอยู่บนเทคโนโลยีที่เรียกว่า “บล็อกเชน” ซึ่งเป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่มีความปลอดภัยสูง การทำธุรกรรมทุกอย่างจะถูกบันทึกในรูปแบบของบล็อก และเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ที่ไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ ทำให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้
เมื่อมีการทำธุรกรรมเกิดขึ้น ระบบจะทำการตรวจสอบความถูกต้องผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมาก โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือสถาบันการเงิน ทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายต่ำ
Cryptocurrency Coin และ Token ต่างกันอย่างไร?
ในโลกของสกุลเงินดิจิทัล เราสามารถแบ่งประเภทออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
- Coin คือสกุลเงินดิจิทัลที่มีบล็อกเชนเป็นของตัวเอง สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้อย่างอิสระ เช่น Bitcoin, Ethereum เป็นต้น
- Token คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นบนบล็อกเชนที่มีอยู่แล้ว มักมีการใช้งานเฉพาะด้านหรือในระบบนิเวศ (Ecosystem) นั้น ๆ เช่น Token ที่สร้างขึ้นบน Ethereum blockchain
คริปโต เล่นยังไง?
การเริ่มต้นในตลาดคริปโตสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ ควรเริ่มจากการศึกษาและทำความเข้าใจพื้นฐานของตลาดให้ถ่องแท้ก่อน โดยเฉพาะเรื่องการทำงานของบล็อกเชน ประเภทของเหรียญต่าง ๆ
และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคา เพราะตลาดคริปโตมีความผันผวนสูงและเปิดทำการ 24 ชั่วโมง การมีความรู้พื้นฐานที่แข็งแกร่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากมีความเข้าใจพื้นฐานแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือสำหรับการเทรด โดยพิจารณาจากความปลอดภัยของระบบ ค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย และความหลากหลายของเหรียญที่มีให้เทรด นอกจากนี้ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครัน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคา
ทำไมคนนิยมลงทุนในเหรียญคริปโต
เหรียญคริปโตได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ
- โอกาสในการสร้างผลตอบแทน: ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง
- เทคโนโลยีที่น่าสนใจ: บล็อกเชนมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินและอุตสาหกรรมต่างๆ
- การเข้าถึงง่าย: สามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินเทรดจำนวนไม่มาก และตลาดเปิดซื้อขาย 24 ชั่วโมง
วิธีสร้างรายได้จากเหรียญคริปโต

เทรดเดอร์สามารถสร้างรายได้จากตลาดคริปโตได้หลายรูปแบบ
- การเทรดระยะสั้น
- วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลาสั้น ๆ
- ใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการวิเคราะห์จังหวะเข้า-ออก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์กราฟ
- การเทรดระยะยาว
- เลือกเหรียญที่มีพื้นฐานและเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง
- ไม่สนใจความผันผวนระยะสั้น
- มุ่งเน้นการเติบโตในระยะยาว
- Staking
- นำเหรียญไปฝากไว้ในระบบเพื่อรับผลตอบแทน
- คล้ายกับการฝากเงินในธนาคารแต่ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
- แต่ละแพลตฟอร์มจะมีเงื่อนไขและอัตราผลตอบแทนที่แตกต่างกัน
- การทำ Yield Farming
- การนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปให้สภาพคล่องในแพลตฟอร์ม DeFi
- รับผลตอบแทนในรูปแบบของค่าธรรมเนียมและโทเคน
- ต้องศึกษาและเข้าใจความเสี่ยงให้ดีก่อนเริ่มต้น
เรียนรู้การลงทุนในเหรียญคริปโตเพิ่มเติม
การเข้าสู่ตลาดคริปโตอาจดูท้าทายสำหรับมือใหม่ แต่ด้วยการเรียนรู้และฝึกฝนอย่างถูกวิธี คุณสามารถพัฒนาทักษะการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
The Success Man เราเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ตลาด FX และทองคำ พร้อมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จริงกว่า 10 ปี ผ่านคอร์สเรียนการลงทุนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
- Basic FX & Gold Course
- เหมาะสำหรับมือใหม่
- เรียนรู้พื้นฐานการวิเคราะห์ตลาด
- เข้าใจการทำงานของตลาดและการเคลื่อนไหวของราคา
- ราคาเพียง 599 บาท/ปี เรียนได้ไม่จำกัดทั้ง Offline และ Online
- Advance FX & Gold Course
- สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะขั้นสูง
- เรียนรู้เทคนิค Smart Money Concept
- เจาะลึกการวิเคราะห์ Market Structure
- ราคา 899 บาท/ปี
เริ่มต้นพัฒนาทักษะการเทรดของคุณได้แล้ววันนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในอนาคต ด้วยความรู้และประสบการณ์จริงจากทีมผู้เชี่ยวชาญของเรา ติดต่อเราได้ที่ Facebook: The SuccessMan Investor